“ทุนจีนสีเทา” ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เป้าหมายยึดทรัพย์ 4,400 ล้าน ขบวนการตู้ห่าว

0

คดีเครือข่ายทุนจีนสีเทาที่มีนาย “ตู้ห่าว” และพวก เป็นกลุ่มผู้ต้องหาคนสำคัญ ถูกบรรจุเป็นคดีพิเศษ ภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ขณะที่อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ ซึ่งรวมทั้งฐานความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงความคืบหน้าในส่วนของกระทรวงยุติธรรมวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ก่อนหน้านี้ คดี “ตู้ห่าว” มีการดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับความผิดการฟอกเงินและยาเสพติด จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในฐานความผิดการเป็นนอมินี โดยได้ยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 3,020 ล้านบาทไปแล้วนั้น ขณะนี้กำลังเตรียมอายัดเพิ่มอีก 189 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ถือครองโดย น.ส. พัชรินทร์ อิทธิวัฒนา หุ้นส่วนคนสำคัญของนายตู้ห่าว ที่ปรากฏชื่อในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท ดีวาลักซ์

ทรัพย์สินที่เตรียมยึดอายัดเพิ่มเติมมีรายการได้แก่ ที่ดิน บ้าน อาคารชุด รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวม 189 ล้านบาท พร้อมกับยกระดับของคดีเป็นคดีพิเศษ

“จากเดิมที่ดำเนินคดีฐานฟอกเงินและยาเสพติด เราเพิ่มเติมในฐานการเป็นนอมินี (ตัวแทน)” นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้านความเคลื่อนไหวจากสำนักงานอัยการสูงสุด น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อ 14 ธ.ค. ตามการเปิดเผยขอ  รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด หลังจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีหนังสือ รายงานข้อมูลผู้ต้องหากระทำผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ถึงอัยการสูงสุด

สำหรับการแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว มีรองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน

ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ผู้ที่ออกมาเปิดเผยขบวนการของกลุ่มทุนจีนสีเทาในไทยอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษและอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากเกรงว่า อาจไม่สามารถเอาผิดนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ และเครือข่ายทุนจีนสีเทา จนถึงที่สุดได้

เป้าหมายยึดทรัพย์กว่า 4,400 ล้านบาท

รมว. ยุติธรรมกล่าวว่า นายตู้ห่าว เป็นนายทุนที่มีกลุ่มบุคคลเบื้องหลังอีก 4-5 กลุ่ม และถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการคิดว่าส่งเงินเข้ามา ขณะนี้ดีเอสไอได้เลขหนังสือเดินทางมาเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างตรวจสอบ พร้อมกับขยายผลไปยังนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนไม่เกินสองสัปดาห์ และแจ้งข้อหาไม่เกิน 30 วัน

ส่วนการดำเนินคดีเรื่องยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการการปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) ได้ยึดอายัดทรัพย์สิน 2,192 ล้านบาท แต่เป็นทรัพย์สินที่ซ้ำซ้อนกับส่วนที่ดีเอสไอยึดอายัด สรุปมูลค่าทรัพย์สินที่จะต้องยึดอายัดทั้งสิ้นกว่า 4,401 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อธิบดีดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ เลขที่ 314/2565 ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศท้ายบัญชีของพระราชบัญญัติคดีพิเศษ

” เนื่องจากมีลักษณะเป็นคดีที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก และจะต้องทำแบบลึกซึ้ง ปกติคดีธรรมดา หน่วยงานอื่นคงจะไปได้ไม่ถึงเท่ากับดีเอสไอถนัด” นายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ระบุ

เหตุคดีซับซ้อนและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

พ.ต.ต. ยุทธนา  แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า คดีนี้เป็นคดีฟอกเงินทางอาญา ซึ่งเป็นความผิดตามท้าย พ.ร.บ. คดีพิเศษ และมีมูลค่าเงินสูง มีความสลับซับซ้อนและกระทบความมั่นคงต่อเศรษฐกิจ จึงเข้าหลักเกณฑ์ และ จึงเสนอให้อธิบดีอนุมัติเป็นคดีพิเศษ

ส่วนเรื่องทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นเรื่องของ ป.ป.ส. ขณะที่การขยายผลดำเนินคดีเครือข่ายทุนจีนกลุ่มอื่น ๆ ยังเป็นความดูแลของพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เรื่องของทรัพย์ที่พบว่ามีการโอนเปลี่ยนแปลงสภาพ ซึ่งเป็นความผิดอาญาฟอกเงิน ดีเอสไอก็ได้อายัดไว้” พ.ต.ต. ยุทธนา ระบุ

“แนวทางในการดำเนินการเรื่องอาญาฟอกเงิน เราจะดำเนินการกับคนที่โอน หรือรับโอนเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้ไปจากการกระทำความผิดเรื่องนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะโอนไปกี่ทอดกี่ชั้นก็ตาม”

ด้าน ป.ป.ส. ระบุด้วยว่า กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อยึดอายัดเพิ่มเติมอีกราว 1,223 ล้านบาท

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและอดีตเจ้าของธุรกิจสีเทา

ชูวิทย์ ปฏิเสธไม่ไว้ใจตำรวจ

ด้านนายชูวิทย์ ที่ร่วมการแถลงข่าว กล่าวด้วยว่า เหตุที่ต้องการให้เป็นคดีพิเศษ “ไม่ใช่ไม่ไว้ใจตำรวจ” แต่ ตำรวจมีกำลังจำกัดและกฎหมายที่จำกัด จึงต้องยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษและอัยการสูงสุด

“ถ้าหมู่บ้านลาซาล มี 60 หลัง คนจีนอยู่ไป 50 หลังแล้ว เหลือคนไทยอยู่ 10 หลัง ถ้าให้ตำรวจทำ ตำรวจอาจจะทำงานไม่ทัน ดังนั้นการที่ดีเอสไอ เข้ามาทำ เท่ากับว่าทำงานได้ทั้งหมู่บ้าน… วันนี้ดีเอสไอ ดูทั้งหมู่บ้าน”

นายชูวิทย์ระบุด้วยว่า หากคดีผับจินหลิงทุนจีน ดำเนินคดีเฉพาะยาเสพติด จะทำให้เกิดความยากลำบากในการจัดการ จึงต้องใช้คดีฟอกเงินร่วมด้วย เพราะทำให้สามารถสอบเส้นทางการเงินว่าจากยาเสพติดแล้ว ไปเข้ากรณีอย่างอื่นด้วยหรือไม่

“ท่าน (ผบ.ตร.) ตั้งแต่คดียาเสพติดไม่ตั้งคดีสมคบฟอกเงิน ท่านมีเจตนาที่บอกว่าคดียาเสพติดนั้นหนักอยู่แล้ว หนักจริงแต่ไม่มีพยานหลักฐาน สอง พยานหลักฐานของท่านคือ ค่าเช่าที่นายตู้ห่าวเซ็น เงินประกันค่าไฟ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้พิสูจน์ว่านายตู้ห่าวขายยาเสพติด แต่พิสูจน์ว่านายตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานที่ การเป็นเจ้าของสถานที่ไม่สามารถสืบให้ลึกขึ้นได้ว่า นายตู้ห่าวอยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ ขายยาเสพติดหรือไม่ หรือมีพยานยืนยันหรือไม่ว่านายตู้ห่าวขายยา…” นายชูวิทย์ ระบุ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *